วัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันนักท่องเที่ยว ที่ต้องพร้อมก่อนเดินทางต่างประเทศ
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพนครธน
สำหรับผู้ที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศ การฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันนักท่องเที่ยวถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการป้องกันโรคที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง เพราะประเทศที่เราจะเดินทางไปอาจเกิดโรคระบาด หรือมีโรคติดต่อบางอย่างเป็นโรคประจำท้องถิ่นได้ และเราก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง เพื่อฉีดวัคซีนและให้ร่างกายมีเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกัน
สารบัญ
วัคซีนที่ควรฉีดก่อนเดินทางต่างประเทศ
วัคซีนนักท่องเที่ยวควรได้รับก่อนเดินทางไปต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
- วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง (Required vaccine) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ทางกฎกระทรวงฯ เขตพื้นที่ติดต่อไข้เหลือง พ.ศ. 2560 และการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้เหลือง ได้ออกกฎกำหนดไว้ว่าต้องฉีด คือ วัคซีนไข้เหลือง โดยผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศ หรือ ทวีปที่มีการระบาดของไข้เหลือง อย่างน้อย 42 ประเทศ อย่างประเทศที่ติดทะเลทรายซาฮาร่า (subsaharan africa) ในแถบแอฟริกา และอเมริกาใต้ เช่น บราซิล เปรู อาร์เจนติน่า จำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
- วัคซีนที่แนะนำในกลุ่มนักเดินทางตามความเหมาะสม (Recommended vaccine for travelers) จะเป็นวัคซีนที่ฉีดตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ประกอบกัน เช่น ประเทศ หรือ ทวีปที่เดินทางไปมีความเสี่ยงต่อโรคใด เสี่ยงมากแค่ไหน กิจกรรมที่จะไปทำ เช่น ไปทำงาน ไปเรียน หรือไปท่องเที่ยว ระยะเวลาในการอยู่แต่ละประเทศ สุขภาพและโรคประจำตัวของนักเดินทางเอง
วัคซีนที่แนะนำในกลุ่มนักท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง
- วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ (Typhoid vaccine) จะพิจารณาให้ฉีดในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในประเทศแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดโรคไทฟอยด์ โดยฉีด 1 ครั้งสามารถป้องกันโรคได้ 3-5 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine) หากเดินทางไปยังประเทศในทวีปแถบเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ แนะนำให้ฉีดเข็มที่ 1 ก่อนเดินทาง 14 วัน เนื่องจากเป็นประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ โดยฉีดจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน โดยที่ภูมิคุ้มกันหลังฉีดครบ 2 เข็ม จะครอบคลุมคลอดชีวิต
- วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine) แนะนำสำหรับกลุ่มที่ต้องเดินทางไปในทวีปแอฟริกา บริเวณที่เรียกว่า Meningitis belt เช่น ประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย เป็นต้น กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องไปประเทศแถบยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะถ้าต้องไปอยู่ในหอพัก และกลุ่มผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อประกอบพิธีฮัจจ์
- วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรค (Cholera vaccine) โดยส่วนใหญ่วัคซีนไม่มีความจำเป็นมากนักในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยแพทย์จะพิจารณาให้กับนักเดินเรือและ นักเดินทางกลุ่มที่มีความจำเป้นจะต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้เท่านั้น เช่น เข้าไปทำงานในค่ายผู้อพยพลี้ภัย หรือเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร ปัจจุบันในประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดรับประทาน ต้องดื่มวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 1-6 สัปดาห์ สามารถป้องกันได้ 2 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) โรคไข้หวัดใหญ่สามารถพบได้ทั่วโลก นักเดินทางทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน หรือในสถานที่แออัดที่มีคนเป็นจำนวนมาก เช่น งานเทศกาลต่างๆ สถานที่แสวงบุญ ผู้จะไปชมกีฬา เป็นต้น สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุอาจพิจารณาให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดสูง ตามที่แพทย์เห็นสมควร
- วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) ปัจจุบันประเทศไทยมีการฉีดวัคซีน MMR ในเด็กแรกเกิดทุกคน แนะนำให้นักท่องเที่ยวฉีดหากไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้มาก่อน คนที่เกิดก่อนปี 2540 จะได้รับวัคซีนไม่ครบหรือไม่เคยได้รับเลย และไม่เคยมีการติดเชื้อตามธรรมชาติ หรือจำไม่ได้ว่าฉีดหรือเคยติดเชื้อหรือยัง โดยให้พิจารณาฉีด MMR 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง โดยไม่จำเป็นต้องตรวจระดับภูมิคุ้มกัน และแนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศกำลังพัฒนา หรือพื้นที่ที่มีการระบาด เช่น ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2024 โดยมีข้อควรระวังคือไม่สามารถฉีดได้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ติดเชื้อ HIV กำลังตั้งครรภ์ มีแผนตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่สามารถฉีดภายหลังการให้วัคซีนเชื้อเป็นชนิดอื่น
- วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine) แบบก่อนสัมผัสโรค แนะนำให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปในพื้นที่ห่างไกล เดินทางไปเป็นเวลานาน หรืออยู่ในพื้นที่ชนบท เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศจีน หรือประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เนื่องจากเมื่อถูกสัตว์กัดแล้ว การหาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและ Immunoglobulin ฉีดอาจทำได้ยากมาก จึงควรพิจารณาฉีดก่อนเดินทาง
การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งสุขภาพ และร่างกาย จะทำให้เราได้ท่องเที่ยวอย่างราบรื่น ไร้โรคภัยต่างๆ หากผู้ใดต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่คาดว่าจะเสี่ยง หรือ ประเทศที่ต้องฉีดวัคซีนก่อน ควรปรึกษาแพทย์ขอคำแนะนำ ในการรับวัคซีน และควรตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้สามารถส่งข้อมูลปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ฟรี
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพนครธน